1. พื้นที่เพื่อการเกษตรกรรม |
การฟื้นฟูพื้นที่ที่ผ่านการเหมืองแร่แล้ว เพื่อเป็นพื้นที่เกษตรกรรม จะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ประกอบด้วย ความอุดมสมบูรณ์ของดิน ความเหมาะสมของสภาพภูมิประเทศ และชนิดของพันธุ์ไม้ เป็นต้น |
|
2. พื้นที่เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยหรือสถานที่ราชการ |
ในปัจจุบันประชากรมีจำนวนมากขึ้นส่งผลให้ที่ดินมีราคาสูงไปด้วย จึงมีการพัฒนาพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมืองแร่แล้วให้เป็นที่อยู่อาศัยหรือสถานที่ราชการ |
|
3. พื้นที่สวนสาธารณะ |
การฟื้นฟูพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมืองแร่แล้วให้เป็นสวนสาธารณะ มักจะดำเนินการใกล้แหล่งชุมชนหรือบริเวณที่มีการคมนาคมสะดวก เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ หรือเป็นพื้นที่สำหรับการเล่นกีฬาและออกกำลังกายของประชาชนในชุมชน |
|
4. เป็นแหล่งเก็บกักน้ำสาธารณะ |
พื้นที่ที่ผ่านการทำเหมืองแร่แล้วที่มีลักษณะเป็นขุมเหมืองขนาดใหญ่ และมีน้ำท่วมขังอยู่สามารถนำมาใช้เป็นแหล่งน้ำสำหรับการอุปโภค บริโภค ของชุมชน แต่ต้องคำนึงถึงคุณภาพน้ำ ซึ่งจะต้องทำการปรับปรุงก่อนนำมาใช้ประโยชน์ |
|
5. พื้นที่สงวนสำหรับการศึกษาธรรมชาติ |
สามารถทำได้โดยการปล่อยพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมืองแร่แล้วที่ต้องการจะศึกษาให้มีการปรับสภาพและฟื้นฟูพื้นที่เองตามธรรมชาติไม่ต้องไปจัดการแต้ประการใด เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับการศึกษาการทดแทนกันของสังคมพืช (Plant Succession) |
|
6. พื้นที่เพื่อการปลูกสวนป่าหรือการปลูกป่าทดแทน |
การปลูกสวนป่าหรือการปลูกป่าทดแทน บริเวณพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมืองแร่แล้ว มีวัตถุประสงค์เพื่อการรักษาสภาพของดิน การป้องกันการกัดเซาะและชะล้างพังทลายของหน้าดิน และทำให้พื้นที่มีความสอดคล้องกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ |
|
7. พื้นที่กลบฝังขยะหรือสารพิษ |
การนำพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมืองแร่แล้วมาใช้ประโยชน์เป็นพื้นที่ฝังกลบขยะหรือสารพิษจะต้องคำนึงถึงสภาพทางธรณีวิทยาของชั้นดิน แหล่งน้ำใต้ดิน และระยะทางในการขนย้าย ซึ่งวิธีการฝังกลบจะต้องมีการศึกษาให้ชัดเจนและถูกต้องตามหลักวิชาการ |
|
|